จริงๆแล้วไม่ว่าเรียนอะไรมันก็คงยากหมดหากเราไม่มีใจที่จะเรียน โดยส่วนใหญ่คนที่เรียนแล้วก้าวหน้ารวดเร็วจะเป็นคนที่มีความเป็นญี่ปุ่นอยู่ในสายเลือด เช่น ชอบดารานักร้อง อยากจะรู้ว่าเค้าพูดว่าอะไร (อันนี้ประสบการณ์ตรง) ชอบเล่นเกมส์แนว RPG ที่ต้องอ่านภาษาญี่ปุ่นเวลาเล่น (ภาคภาษาอังกฤษมันก็มีนะแต่ไม่ได้อารมณ์อะสิ) ถ้ามาแนวๆนี้แรงกระตุ้นให้ขวนขวายจะเยอะเป็นพิเศษ สำหรับคนที่มีแฟนหรือสามีหรือภรรยาเป็นคนญี่ปุ่นกลับเป็นส่วนน้อยที่จะเรียนได้เร็ว คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะรู้คำศัพท์อยู่แล้วและอาศัยการได้ยินบ่อยๆจนรู้ไปเอง แต่ข้อเสียคือจะไม่สามารถพูดอธิบายในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ พอมาเรียนก็จะงงกับสิ่งที่เรียนว่าทำไมไม่เหมือนที่เค้าใช้กัน
ต้องอธิบายก่อนว่า มีหลายคนเข้าใจว่ามาเรียนภาษาญี่ปุ่นสักสองสามเดือนก็คงจะพูดได้แล้ว อันนี้บอกเลยว่ายากมาก คำถามของคนส่วนใหญ่ที่เจอมาก็คือ
- เรียนนานมั้ยกว่าจะพูดได้?
ขึ้นอยู่กับว่าจำนวนวันที่เรียนต่ออาทิตย์มากน้อยแค่ไหน ยกตัวอย่างการเรียนโดยใช้หนังสือ มินนะโนะ นิฮงโกะ มีทั้งหมด 4 เล่ม ซึ่งจะเทียบเท่าความรู้ระดับชั้นต้น ดูรายละเอียดหนังสือ ถ้าเรียนแบบเร่งรัด จันทร์ถึงศุกร์จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง ต่อ 1 เล่ม (เรียนวันละ 4 ชม.) เท่ากับ 7-8 เดือนก็จบขั้นต้นได้ แต่ถ้าเรียนอาทิตย์ละ 4 ชม. ก็จะใช้เวลาประมาณ 8 เดือน ต่อ 1 เล่ม ถ้าเรียนครบ 4 เล่มก็คูณกันไป เท่ากับประมาณ เกือบ 3 ปีกว่าจะจบขั้นต้น ดังนั้นหากอยากเป็นเร็วก็ต้องเสียสละเวลาเรียนกันด้วย บางคนถึงกับหยุดงานมาเรียนให้ได้ปีนึงเลยก็มี ซึ่งถ้าเรียนจบมินนะ 4 เล่มก็จะพอสื่อสารแบบง่ายๆได้ระดับนึง ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วยว่าขวนขวายมากน้อยแค่ไหน ภาษาไม่ใช่มานั่งเรียนอย่างเดียวแล้วจะได้ มันต้อง "ท่อง" "จำ" และ "ใช้" ถึงจะเป็นเร็ว
ขึ้นอยู่กับว่าจำนวนวันที่เรียนต่ออาทิตย์มากน้อยแค่ไหน ยกตัวอย่างการเรียนโดยใช้หนังสือ มินนะโนะ นิฮงโกะ มีทั้งหมด 4 เล่ม ซึ่งจะเทียบเท่าความรู้ระดับชั้นต้น ดูรายละเอียดหนังสือ ถ้าเรียนแบบเร่งรัด จันทร์ถึงศุกร์จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง ต่อ 1 เล่ม (เรียนวันละ 4 ชม.) เท่ากับ 7-8 เดือนก็จบขั้นต้นได้ แต่ถ้าเรียนอาทิตย์ละ 4 ชม. ก็จะใช้เวลาประมาณ 8 เดือน ต่อ 1 เล่ม ถ้าเรียนครบ 4 เล่มก็คูณกันไป เท่ากับประมาณ เกือบ 3 ปีกว่าจะจบขั้นต้น ดังนั้นหากอยากเป็นเร็วก็ต้องเสียสละเวลาเรียนกันด้วย บางคนถึงกับหยุดงานมาเรียนให้ได้ปีนึงเลยก็มี ซึ่งถ้าเรียนจบมินนะ 4 เล่มก็จะพอสื่อสารแบบง่ายๆได้ระดับนึง ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วยว่าขวนขวายมากน้อยแค่ไหน ภาษาไม่ใช่มานั่งเรียนอย่างเดียวแล้วจะได้ มันต้อง "ท่อง" "จำ" และ "ใช้" ถึงจะเป็นเร็ว
- ทำอย่างไรถึงจะพูดได้เร็วๆ?
ไม่ยากเลย แค่ต้องหาคนญี่ปุ่นมาฝึกพูดด้วยเยอะๆ (ยากตรงหาคนนี่ละ555) จะให้ดีต้องบอกเค้าด้วยว่าให้แก้เวลาเราพูดผิด บางคนจะไม่ได้มานั่งแก้ให้เราอาจเป็นเพราะขี้เกียจหรือไม่รู้ว่าเราต้องการให้แก้ ถ้าเราอยากรู้ว่าถูกมั้ยต้องถาม อย่าไปอาย บางคนอาจจะดีใจที่เค้าได้สอนเราด้วย
ไม่ยากเลย แค่ต้องหาคนญี่ปุ่นมาฝึกพูดด้วยเยอะๆ (ยากตรงหาคนนี่ละ555) จะให้ดีต้องบอกเค้าด้วยว่าให้แก้เวลาเราพูดผิด บางคนจะไม่ได้มานั่งแก้ให้เราอาจเป็นเพราะขี้เกียจหรือไม่รู้ว่าเราต้องการให้แก้ ถ้าเราอยากรู้ว่าถูกมั้ยต้องถาม อย่าไปอาย บางคนอาจจะดีใจที่เค้าได้สอนเราด้วย
- ทำอย่างไรถึงจะฟังเก่งๆ?
พยายามพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่มีภาษาญี่ปุ่นเยอะๆ หากคนที่กำลังเรียนอยู่ก็แนะนำให้แกะซองซีดีที่เค้าให้มากับหนังสือเปิดฟังบ่อยๆ (อุตส่าห์ซื้อมาทั้งทีนะ แกะเถอะ) ขับรถไปพูดตามไป เอาใส่ mp3 ฟังเวลาขึ้นรถก็ได้ ถึงแม้จะบอกว่าฟังไม่รู้เรื่องหรือฟังไม่ทัน ก็ฟังไปเถอะ ถ้าไม่เริ่มต้นฟังเลยก็จะไม่มีวันฟังรู้เรื่อง หากเป็นคนไม่ชอบฟังอย่างเดียวแต่ชอบดูก็ดูกันได้ เช่น ดูซี่รีส์ ดูการ์ตูน ดูรายการวาไรตี้ต่างๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้หาดูได้เยอะแยะมากมาย
- เรียนแบบโรมันจิดีมั้ย? (ถ้าใครงงก็คือแบบคาราโอเกะนั่นเอง)
ดี สำหรับคนที่อยากเรียนแค่พอถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ซื้อของสั่งอาหารได้ แต่จะฟังเค้ารู้เรื่องมั้ยนี่อีกเรื่องนึงนะ แต่สำหรับคนที่อยากพูดแบบสื่อสารเรื่องในชีวิตประจำวันได้มันจะไม่พอ ส่วนใหญ่ถ้าไม่เลิกเรียนไปก่อนก็จะเปลี่ยนมาเรียนแบบอักษรญี่ปุ่นกันทั้งนั้น ว่ากันง่ายๆก็คือมันไม่รุ่งน่ะแหละ
ดี สำหรับคนที่อยากเรียนแค่พอถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ซื้อของสั่งอาหารได้ แต่จะฟังเค้ารู้เรื่องมั้ยนี่อีกเรื่องนึงนะ แต่สำหรับคนที่อยากพูดแบบสื่อสารเรื่องในชีวิตประจำวันได้มันจะไม่พอ ส่วนใหญ่ถ้าไม่เลิกเรียนไปก่อนก็จะเปลี่ยนมาเรียนแบบอักษรญี่ปุ่นกันทั้งนั้น ว่ากันง่ายๆก็คือมันไม่รุ่งน่ะแหละ
- ทำไมสิ่งที่เรียนไม่เหมือนที่เค้าพูดกัน?
แค่เริ่มบทเรียนแรกก็จะงงกันว่าทำไมประโยคมั้ยมันย๊าวยาว หมายความแค่ติ๊ดเดียว แรกๆโรงเรียนส่วนใหญ่ จะให้เรียนรูปสุภาพกันก่อน ทำไมต้องสุภาพ? ก็เพราะถ้าเรียนไม่สุภาพก่อน จะกลับมาเป็นสุภาพจะยากเราเป็นชาวต่างชาติหัดพูดให้ดูสุภาพไว้ก่อนดีที่สุด ถามว่าเรียนแบบไม่สุภาพเลยได้มั้ย คำตอบคือได้ แต่ถ้าเกิดอยากสุภาพขึ้นมายังไงก็ต้องเรียนรูปสุภาพอยู่ดี ซึ่งมันไม่ใช่ง่ายๆที่แค่ใส่ "คะ" หรือ "ครับ" เหมือนภาษาไทยหรอกนะ
แค่เริ่มบทเรียนแรกก็จะงงกันว่าทำไมประโยคมั้ยมันย๊าวยาว หมายความแค่ติ๊ดเดียว แรกๆโรงเรียนส่วนใหญ่ จะให้เรียนรูปสุภาพกันก่อน ทำไมต้องสุภาพ? ก็เพราะถ้าเรียนไม่สุภาพก่อน จะกลับมาเป็นสุภาพจะยากเราเป็นชาวต่างชาติหัดพูดให้ดูสุภาพไว้ก่อนดีที่สุด ถามว่าเรียนแบบไม่สุภาพเลยได้มั้ย คำตอบคือได้ แต่ถ้าเกิดอยากสุภาพขึ้นมายังไงก็ต้องเรียนรูปสุภาพอยู่ดี ซึ่งมันไม่ใช่ง่ายๆที่แค่ใส่ "คะ" หรือ "ครับ" เหมือนภาษาไทยหรอกนะ
- แก่แล้วเรียนได้มั้ย?
อายุเยอะสุดที่เคยสอนมาคือ 55 ปี คอนเฟริม์ว่าเรียนได้ อายุไม่เกี่ยวเท่าไหร่ หากคุณเป็นคนมุ่งมั่น เพราะคนอายุน้อยๆบางคนมาเรียนจำศัพท์ไม่เก่งเท่าคนอายุสี่สิบห้าสิบก็มี ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความตั้งใจ
- เรียนคนเดียวหรือเรียนเป็นกลุ่ม?
เรียนเป็นกลุ่ม
ข้อดี คือถูก มีเพื่อนเรียน บางคลาสน่ารักมากชวนกันเรียน ให้กำลังใจกัน ได้เพื่อนใหม่ๆเพียบ
ข้อเสีย คือบางทีอาจมีบุคคลแปลกๆมาเรียน รบกวนบรรยากาศของห้อง และบางทีเลือกที่จะเรียนแบบที่ต้องการไม่ได้เพราะคอร์สที่เปิดอาจจำกัด รวมไปถึงจำนวนคนที่จะต้องมีขั้นต่ำตามที่โรงเรียนกำหนดไว้
เรียนคนเดียว
ข้อดีคือ สามารถเลือกตามใจชอบว่าจะเรียนกับครูคนไหน เรียนเร็วเรียนช้า ตามแต่คนเรียนจะรับไหว
ข้อเสียคือ แพง (ก็คงอย่างนั้นแหละนะไม่มีคนหารนิ)
- เรียนภาษาญี่ปุ่นที่ไหนดี?
อันดับแรก เลือกที่ไปสะดวก ถ้าไปยากอาจต้องอาศัยความพยายามเพิ่ม ซึ่งบางคนอาจจะขยันแรกๆ แต่พอเรียนไปเรื่อยๆ เบื่อรถติด ไม่ไปแล้วซะงั้น
อันดับต่อมา เลือกว่าอยากเรียนกับคนญี่ปุ่นล้วนๆ หรือจะเป็นคนไทย หรือจะเรียนทั้งกับคนไทยและญี่ปุ่นในคลาสเดียวกันก็มี ราคาก็จะแตกต่างกันไป เพราะถ้าญี่ปุ่นล้วน ราคาจะสูง ไทยล้วนราคาก็จะถูกสุด ถ้าผสมก็กลางๆ ขึ้นอยู่กับความชอบ ส่วนสถาบันก็ไม่อยากอวยให้ใครเพราะตอนนี้มีเยอะแยะไปหมด ลองถามอากู๋(google)ดูนะ
Nice story
ReplyDelete