Sunday 26 January 2014

รับงานล่ามเฉพาะกิจ

ขอเล่าประสบการณ์อันน้อยนิดในการเป็นล่าม ย้ำว่าน้อยนิดเพราะเคยรับงาน(แบบได้ตังค์)แค่ครั้งเดียว
ก่อนหน้านี้เจอใครถามโยนให้เพื่อนหมด งานนี้ก็เกือบจะได้โยนให้คนอื่นละ แต่ติดที่เป็นงานที่คนญี่ปุ่นที่รู้จักขอร้องมาโดยตรง(ประมาณไม่ทำคงไม่ได้) ก็เลยเอาว่ะ ลองดูสักครั้งนึงจะเป็นไร ก็เลยมีประสบการณ์กะเค้าสักที

แล้วตกลงมันยากมั้ยงานล่ามเนี่ย? ....ยากโพดๆฮ่ะ55555 ที่ว่าภาษาญี่ปุ่นแน่ๆแต่ไม่มีประสบการณ์ต้องแอบมีเงิบกันไปบ้างแหละว้า เดี๋ยวเล่าเนื้องานก่อนคือ งานล่าม 8 วันติด เป็นงานแข่งกีฬายิงธนูชิงแชมป์โลกของนักกีฬาคนพิการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ มีนักกีฬาญี่ปุ่นเข้าร่วม 10 คน สต๊าฟ 4 คน รวม 14คน งานของเราคือแปลการประชุม(ใช้ภาษาอังกฤษ) ดูแลนักกีฬาผู้หญิงเวลามีตรวจร่างกาย ตรวจอุปกรณ์ เพราะทางญี่ปุ่นไม่มีสต๊าฟที่เป็นผู้หญิงมาด้วยเลย  และช่วยเหลือเรื่องการแข่งขัน เช่นการเดินเก็บลูกธนูและจดคะแนนให้นักกีฬา เพราะนักกีฬาคนพิการจะใช้เวลามากเกินหากต้องทำเองทั้งหมด ซึ่งจะทำตรงนี้ได้ต้องพูดภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นได้ รวมถึงรู้กฎกติกาของกีฬาด้วย ฟังดูอาจจะยาก แต่พอดีเราเล่นกีฬานี้อยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาใดๆ

ความรู้สึกที่ได้ทำงานล่ามคือ สนุก! แต่พอดีมันเป็นเรื่องที่เราเข้าใจและรู้รายละเอียดอยู่แล้วมันจึงสนุก ถ้าให้ไปแปลชิ้นส่วนประกอบอะไรสักอย่างของรถยนต์ก็คงไม่สนุก และ เครียด เห็นใครๆเค้าก็อยากเป็นกันจังล่ามเนี่ย เราไม่เคยคิดอยากเป็นเลย เงินดีจริงไม่เถียง แต่ถ้าเค้าจ่ายเต็มที่ก็หมายความว่าต้องแปลให้เค้าเต็มที่ เค้ามีสิทธิ์ใช้เราได้เต็มที่ แบบนี้ไม่เอา ขอบ๊ายบายเลย เพราะภาษาญี่ปุ่นที่ใช้ในการเป็นล่ามไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นที่พูดกันตามท้องถนน โดยเฉพาะภาษาธุรกิจ ซึ่งจะแตกต่างจากที่ใช้ๆกันอยู่มากมาย แต่ถ้าหากใครชอบก็แนะนำให้ทำนะ เพราะเงินถึงจริงๆ ยิ่งทำมากจะยิ่งมีประสบการณ์มาก จะทำให้เราไม่ลำบากเวลาแปลมากนัก นับเป็นอาชีพที่ทำเงินได้มากสุดของการเรียนภาษาญี่ปุ่นเลยละมั้ง
มีรุ่นพี่ที่รู้จักที่รับงานล่ามแบบไม่ว่าเนื้องานแบบไหนได้หมด ค่าตัววันละ 7,000 บาทขึ้น ฟังแล้วหูยยย รวยเลยอะ แต่ความน่ากลัวคือถ้าได้เยอะขนาดนั้นนี่ต้องแปลระดับเทพ จะมาหมูหมากาไก่ แถๆแบบดิชั้นคงไม่ได้ละนะ

สิ่งที่ควรเตรียมก่อนจะรับงานล่าม

เตรียมร่างกายให้พร้อม 
เพราะมันเหนื่อยมากถึงมากที่สุด ยิ่งนานวันยิ่งเหนื่อย เป็นล่ามต้องอึดและถึก ต้องพร้อมเสมอ แม้ว่างานอาจจะไม่ได้มีตลอดเวลาแต่เราต้องนั่ง stand by ไว้เผื่อเค้าเรียกใช้ ตอนที่ทำงานวันหลังๆรู้สึกล้ามากๆเพราะต้องแปลเยอะทั้งไทยเป็นญี่ปุ่น ญี่ปุ่นเป็นไทย ญี่ปุ่นเป็นอังกฤษ อังกฤษเป็นไทย โอ้ย มึนค่ะ มีแอบพูดผิดภาษาด้วย แบบพูดอังกฤษใส่คนญี่ปุ่นเฉยเลย555  บางทีดูเหมือนไม่ค่อยได้ทำอะไรแต่สมองต้องคิดตลอดเวลามันจะล้ามาก เพราะฉะนั้นต้องหลับให้เพียงพอ

เตรียมจดคำศัพท์
หาสมุดจดเล็กๆที่พกใส่กระเป๋าได้ จดคำศัพท์เกี่ยวกับสิ่งที่จะต้องพบเจอในงานล่ามเท่าที่จะคิดได้ลงไปให้เยอะที่สุด คราวนี้เราพลาดเรื่องคำศัพท์เรื่องการบาดเจ็บ ไม่ได้คิดถึงตรงนี้เลย ทำให้ลำบากเวลาแปลจริงๆมาก ถึงเวลาจริงๆมันไม่ใช่จะบอกให้เค้ารอแป๊ปนึงขอกดดิกก่อนนะคะ มันก็ไม่ได้ใช่ปะ ก็ใช้วิชามารแถแบบคำง่ายๆ เรียกว่าเอาตัวรอดเฉพาะกิจกันไป

เตรียมใจ
มันทำใจลำบากจริงๆที่ต้องที่ต้องมาลุ้นว่าจะได้เจอคนญี่ปุ่นแบบไหน ถ้าไม่เจอแบบจิกใช้ก็ดีไป จึงต้องเตรียมใจว่าอาจจะต้องเจอญี่ปุ่นแบบ "ใช้แหลก" โดนเฉพาะพวกลุงๆ แต่คราวนี้เราโชคดีเจอแต่คนดีๆไม่จิกใช้มีมารยาท เลยได้ทำงานแบบแฮปปี้กันไป

ฝึกจำชื่อ
ไม่รู้เป็นอะไรเวลาคนญี่ปุ่นแนะนำตัวทีไรจับชื่อไม่เคยทัน(อันนี้ส่วนตัวไม่รู้คนอื่นเป็นมั่งมั้ย) ทีนี้มารับงานก็ต้องเรียกชื่อให้ถูก แถมต้องจำนามสกุล เพราะจะไปเรียกชื่อต้นเค้าก็ไม่ได้ โดยเฉพาะเวลาเค้าแนะนำทีเดียว 10 คน ตายๆๆๆ อิชั้นก็ต้องจดๆๆๆลูกเดียว และพยายามเรียกให้ถูกในวันแรกให้ได้ เทคนิคส่วนตัวก็คือ พยายามจำเป็นคำศัพท์เพราะชื่อนามสกุลคนญี่ปุ่นจะแยกออกมาเป็นคำๆได้เช่น ชื่อ นากายามะ "นากะ" แปลว่า ข้างใน "ยามะ" แปว่า ภูเขา เราก็จำว่าภูเขาข้างใน หรือ โอคาวาระ ก็จะแปลว่า ทุ่งที่อยู่ตรงแม่น้ำ ก็จำว่าทุ่งน้ำ (เหมือนแปลเป็นไทยแล้วรู้สึกจำง่ายหน่อย)

พกความมั่นใจ
จะเป็นล่ามต้องมีความมั่นใจมาก่อน หากเราทำหน้าไม่มั่นใจตอนแปลจะทำให้ความน่าเชื่่อถือลดลง และเค้าจะเริ่มไม่แน่ใจในตัวคนแปล โดยเฉพาะทำงานกับญี่ปุ่น ทั้งเวลาทุกอย่างต้องเป๊ะ จะมาบอกว่าไม่ได้ ไม่มี ไม่ทัน เค้าอาจจะไม่ยอมขึ้นมาได้ หนทางการเป็นล่ามไม่ได้ยากเกินไป ถ้าใครอยากเป็นล่ามก่อนอื่นก็มาเรียนภาษาญี่ปุ่นกันให้เก่งๆกันนะจ๊ะ^^





  


อ่านเรื่องอื่นๆ


No comments:

Post a Comment