Tuesday 15 October 2013

เรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างไรให้เป็นเร็ว

ภาษาญี่ปุ่นยังคงเป็นภาษาที่ได้รับความนิยมในการเรียนเสมอ เนื่องจากประเทศไทยมีบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาทำธุรกิจมากมาย รวมไปถึงดารานักร้อง เกมส์ การ์ตูน อนิเมชั่น สาระพัดโอตาคุ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะแรงสู้เกาหลีไม่ได้ก็เถอะ แต่ก็ถือว่าวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้กลืนเข้ามาในไทยอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากร้านอาหาร ร้านขายยา ซุปเปอร์ ร้านเสื้อผ้า มีมาเปิดสาขาในไทยกันให้พรึ่บ เรียกว่าไม่ต้องบินไปญี่ปุ่นก็แทบจะเหมือนอยู่ญี่ปุ่นกลายๆ ตอนนี้มีทั้ง Lawson, Uniqlo, Muji,  Tsuruha (ร้านขายยาคล้ายวัตสัน),Yoshinoya, Coco ichiban, ร้านราเม็ง ซูชิ ที่ไม่สามารถบรรยายได้หมด และอนาคตก็คงมีมาอีกมากมาย แถมตอนนี้วีซ่าไม่ต้องขอ ไปเที่ยวกันสบายแฮ การรู้ภาษาญี่ปุ่นก็จะทำให้เราไปเที่ยวสบายขึ้น หางานได้ง่ายขึ้น เป็นโอตาคุได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น (เกี่ยวมั้ย) ความคิดของคนที่สนใจเรียนน่าจะประมาณนี้ แต่หารู้ไม่ว่ากว่าจะเรียนได้อะไรๆมันมากขึ้นนั้น หาใช้เพียงเวลาสั้นๆไม่ พูดสั้นๆคือมันไม่ง่ายนะแหละ^^ นี่เรียนมาเป็นสิบปีก็ยังว่ามันยาก ภาษาอะไร(วะ)เนี่ย ต้องมีคำช่วยเยอะแยะ ผันกริยาอีกเป็นขโยง แถมเรียงประโยคไม่เหมือนชาวบ้านเค้าอีกแน่ะ! แต่...ก็มีหลายคนพูดว่ามันง่ายกว่าภาษาอังกฤษ ลองคิดดูว่าเราเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่อนุบาลจนจบมหาลัยก็ยังไม่เห็นเก่ง บางคนใช้เวลาเรียนภาษาญี่ปุ่นไม่กี่ปียังพูดได้มากกว่าภาษาอังกฤษอีก อืม...น่าคิด

จริงๆแล้วไม่ว่าเรียนอะไรมันก็คงยากหมดหากเราไม่มีใจที่จะเรียน โดยส่วนใหญ่คนที่เรียนแล้วก้าวหน้ารวดเร็วจะเป็นคนที่มีความเป็นญี่ปุ่นอยู่ในสายเลือด เช่น ชอบดารานักร้อง อยากจะรู้ว่าเค้าพูดว่าอะไร (อันนี้ประสบการณ์ตรง) ชอบเล่นเกมส์แนว RPG ที่ต้องอ่านภาษาญี่ปุ่นเวลาเล่น (ภาคภาษาอังกฤษมันก็มีนะแต่ไม่ได้อารมณ์อะสิ) ถ้ามาแนวๆนี้แรงกระตุ้นให้ขวนขวายจะเยอะเป็นพิเศษ สำหรับคนที่มีแฟนหรือสามีหรือภรรยาเป็นคนญี่ปุ่นกลับเป็นส่วนน้อยที่จะเรียนได้เร็ว คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะรู้คำศัพท์อยู่แล้วและอาศัยการได้ยินบ่อยๆจนรู้ไปเอง แต่ข้อเสียคือจะไม่สามารถพูดอธิบายในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ พอมาเรียนก็จะงงกับสิ่งที่เรียนว่าทำไมไม่เหมือนที่เค้าใช้กัน

ต้องอธิบายก่อนว่า มีหลายคนเข้าใจว่ามาเรียนภาษาญี่ปุ่นสักสองสามเดือนก็คงจะพูดได้แล้ว อันนี้บอกเลยว่ายากมาก คำถามของคนส่วนใหญ่ที่เจอมาก็คือ

- เรียนนานมั้ยกว่าจะพูดได้?
ขึ้นอยู่กับว่าจำนวนวันที่เรียนต่ออาทิตย์มากน้อยแค่ไหน ยกตัวอย่างการเรียนโดยใช้หนังสือ มินนะโนะ   นิฮงโกะ มีทั้งหมด 4 เล่ม ซึ่งจะเทียบเท่าความรู้ระดับชั้นต้น ดูรายละเอียดหนังสือ ถ้าเรียนแบบเร่งรัด จันทร์ถึงศุกร์จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง ต่อ 1 เล่ม (เรียนวันละ 4 ชม.) เท่ากับ 7-8 เดือนก็จบขั้นต้นได้ แต่ถ้าเรียนอาทิตย์ละ 4 ชม. ก็จะใช้เวลาประมาณ 8 เดือน ต่อ 1 เล่ม ถ้าเรียนครบ 4 เล่มก็คูณกันไป เท่ากับประมาณ เกือบ 3 ปีกว่าจะจบขั้นต้น ดังนั้นหากอยากเป็นเร็วก็ต้องเสียสละเวลาเรียนกันด้วย บางคนถึงกับหยุดงานมาเรียนให้ได้ปีนึงเลยก็มี ซึ่งถ้าเรียนจบมินนะ 4 เล่มก็จะพอสื่อสารแบบง่ายๆได้ระดับนึง ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วยว่าขวนขวายมากน้อยแค่ไหน ภาษาไม่ใช่มานั่งเรียนอย่างเดียวแล้วจะได้ มันต้อง "ท่อง" "จำ" และ "ใช้" ถึงจะเป็นเร็ว

- ทำอย่างไรถึงจะพูดได้เร็วๆ?
ไม่ยากเลย แค่ต้องหาคนญี่ปุ่นมาฝึกพูดด้วยเยอะๆ (ยากตรงหาคนนี่ละ555) จะให้ดีต้องบอกเค้าด้วยว่าให้แก้เวลาเราพูดผิด บางคนจะไม่ได้มานั่งแก้ให้เราอาจเป็นเพราะขี้เกียจหรือไม่รู้ว่าเราต้องการให้แก้ ถ้าเราอยากรู้ว่าถูกมั้ยต้องถาม อย่าไปอาย บางคนอาจจะดีใจที่เค้าได้สอนเราด้วย

- ทำอย่างไรถึงจะฟังเก่งๆ?
พยายามพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่มีภาษาญี่ปุ่นเยอะๆ หากคนที่กำลังเรียนอยู่ก็แนะนำให้แกะซองซีดีที่เค้าให้มากับหนังสือเปิดฟังบ่อยๆ (อุตส่าห์ซื้อมาทั้งทีนะ แกะเถอะ) ขับรถไพูดตามไป เอาใส่ mp3 ฟังเวลาขึ้นรถก็ได้ ถึงแม้จะบอกว่าฟังไม่รู้เรื่องหรือฟังไม่ทัน ก็ฟังไปเถอะ ถ้ไม่เริ่มต้นฟังเลยก็จะไม่มีวันฟังรู้เรื่อง หากเป็นคนไม่ชอบฟังอย่างเดียวแต่ชอบดูก็ดูกันได้ เช่น ดูซี่รีส์ ดูการ์ตูน ดูรายการวาไรตี้ต่างๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้หาดูได้เยอะแยะมากมาย 
  
- เรียนแบบโรมันจิดีมั้ย? (ถ้าใครงงก็คือแบบคาราโอเกะนั่นเอง)
ดี สำหรับคนที่อยากเรียนแค่พอถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ซื้อของสั่งอาหารได้ แต่จะฟังเค้ารู้เรื่องมั้ยนี่อีกเรื่องนึงนะ แต่สำหรับคนที่อยากพูดแบบสื่อสารเรื่องในชีวิตประจำวันได้มันจะไม่พอ ส่วนใหญ่ถ้าไม่เลิกเรียนไปก่อนก็จะเปลี่ยนมาเรียนแบบอักษรญี่ปุ่นกันทั้งนั้น ว่ากันง่ายๆก็คือมันไม่รุ่งน่ะแหละ

- ทำไมสิ่งที่เรียนไม่เหมือนที่เค้าพูดกัน?
แค่เริ่มบทเรียนแรกก็จะงงกันว่าทำไมประโยคมั้ยมันย๊าวยาว หมายความแค่ติ๊ดเดียว แรกๆโรงเรียนส่วนใหญ่ จะให้เรียนรูปสุภาพกันก่อน ทำไมต้องสุภาพ? ก็เพราะถ้าเรียนไม่สุภาพก่อน จะกลับมาเป็นสุภาพจะยากเราเป็นชาวต่างชาติหัดพูดให้ดูสุภาพไว้ก่อนดีที่สุด ถามว่าเรียนแบบไม่สุภาพเลยได้มั้ย คำตอบคือได้ แต่ถ้าเกิดอยากสุภาพขึ้นมายังไงก็ต้องเรียนรูปสุภาพอยู่ดี ซึ่งมันไม่ใช่ง่ายๆที่แค่ใส่ "คะ" หรือ "ครับ" เหมือนภาษาไทยหรอกนะ

- แก่แล้วเรียนได้มั้ย?
อายุเยอะสุดที่เคยสอนมาคือ 55 ปี คอนเฟริม์ว่าเรียนได้ อายุไม่เกี่ยวเท่าไหร่ หากคุณเป็นคนมุ่งมั่น เพราะคนอายุน้อยๆบางคนมาเรียนจำศัพท์ไม่เก่งเท่าคนอายุสี่สิบห้าสิบก็มี ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความตั้งใจ

- เรียนคนเดียวหรือเรียนเป็นกลุ่ม?
เรียนเป็นกลุ่ม
ข้อดี คือถูก มีเพื่อนเรียน บางคลาสน่ารักมากชวนกันเรียน ให้กำลังใจกัน ได้เพื่อนใหม่ๆเพียบ 
ข้อเสีย คือบางทีอาจมีบุคคลแปลกๆมาเรียน รบกวนบรรยากาศของห้อง และบางทีเลือกที่จะเรียนแบบที่ต้องการไม่ได้เพราะคอร์สที่เปิดอาจจำกัด รวมไปถึงจำนวนคนที่จะต้องมีขั้นต่ำตามที่โรงเรียนกำหนดไว้
เรียนคนเดียว 
ข้อดีคือ สามารถเลือกตามใจชอบว่าจะเรียนกับครูคนไหน เรียนเร็วเรียนช้า ตามแต่คนเรียนจะรับไหว
ข้อเสียคือ แพง (ก็คงอย่างนั้นแหละนะไม่มีคนหารนิ)

- เรียนภาษาญี่ปุ่นที่ไหนดี?
อันดับแรก เลือกที่ไปสะดวก ถ้าไปยากอาจต้องอาศัยความพยายามเพิ่ม ซึ่งบางคนอาจจะขยันแรกๆ แต่พอเรียนไปเรื่อยๆ เบื่อรถติด ไม่ไปแล้วซะงั้น 
อันดับต่อมา เลือกว่าอยากเรียนกับคนญี่ปุ่นล้วนๆ หรือจะเป็นคนไทย หรือจะเรียนทั้งกับคนไทยและญี่ปุ่นในคลาสเดียวกันก็มี ราคาก็จะแตกต่างกันไป เพราะถ้าญี่ปุ่นล้วน ราคาจะสูง ไทยล้วนราคาก็จะถูกสุด ถ้าผสมก็กลางๆ ขึ้นอยู่กับความชอบ ส่วนสถาบันก็ไม่อยากอวยให้ใครเพราะตอนนี้มีเยอะแยะไปหมด ลองถามอากู๋(google)ดูเอานะจ๊ะ

1 comment: