Friday 25 July 2014

เรียนที่ญี่ปุ่นด้วยทุนตัวเอง ตอน หาโรงเรียน

ปกติแล้วคนมักให้ความสนใจว่าไปเรียนที่ญี่ปุ่นจะขอทุนยังไงเพราะประเทศนี้เค้าแจกทุกฟรีเป็นว่าเล่น น่าจะรู้จักกันคือทุนมงบุโช (Monbukagakusho หรือย่อว่า MEXT) ชื่อไทยก็คือทุนรัฐบาลญี่ปุ่นนั่นเอง ถือว่าเป็นการให้ทุนเรียนกันฟรีๆ ได้เงินต่อเดือนฟรีๆที่ใช้กินอยู่ได้อย่างสบายๆ บางคนเหลือเก็บอีกต่างหาก อื้อหือ...อะไรมันจะดีขนาดน้าน อยากได้กะเค้ามั่ง แต่มันต้องฟันฝ่าหลายอย่างเหลือเกิน ด่านแรกคือเกรด...จบกัน...น่าจะตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้ T^T แต่เดี๋ยวก่อน เกรดน้อยแต่ถ้ามีสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นมาช่วยก็พอได้ โอเคพอคุยกันได้ แต่ด่านสองคือการกรอกเอกสารอันยาวเหยียด เขียน Study Plan อีก ก็นั่นสิเขาให้ฟรีๆจะมาง่ายๆได้ยังไง โอเค ง่ายๆคือเราขี้เกียจ ก็แค่อยากจะไปเรียนที่ญี่ปุ่นตามความฝันว่า อยากเล่นเกมรู้เรื่อง ฟังดาราโปรดพูดเข้าใจ ไปเที่ยวพูดได้สบายๆ ไปเองก็ได้ฟะ ไม่ง้อหรอกทุนเทิน เชอะ! เป็นเหตุให้เริ่มหาข้อมูลเรียนต่อภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียว ซึ่งสมัยนั้นที่แนะแนวเรียนต่อประเทศญีปุ่่นยังน้อยมากๆ (สมัยปี 2005) พอดีมีเพื่อนทำงานที่ Jeducation เลยลองติดต่อหาข้อมูลไปดู ก็มีโรงเรียนให้เลือกอยู่พอสมควร แถมเค้าดำเนินการให้หมด เตรียมเอกสารและจ่ายตังค์อย่างเดียว55 เลยตกลงใจใช้บริการที่นี่ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลย (ขอบคุณพี่จูนมานะที่นี้นะคะ^^) หลังจากนั้นก็มานั่งเลือกว่าจะเรียนที่ไหนดี ซึ่งคนที่ไม่รู้เลยอะไรเลยอาจจะเลือกไม่ถูก ขอให้ตั้งเกณฑ์ของตัวเองก่อนเลือกโรงเรียนว่าเราต้องการแบบไหน บางคนอาจจะต้องดูที่ค่าเรียนอันดับแรก บางคนขออยู่ในเมือง บลาๆๆ ซึ่งของตัวเองก็ได้คิดไว้ค่อนข้างเยอะทีเดียว เอามาเล่าสู่กันฟังจ้า

เกณฑ์การเลือกโรงเรียนที่ตั้งไว้

1. ที่พักกับโรงเรียนต้องเดินหรือปั่นจักรยานได้
    ไม่อยากจะเสียเงินค่ารถไฟเพิ่มอีก เนื่องจากไปเงินตัวเองอะไรประหยัดได้ก็ควร

2. อยู่ในโตเกียว แต่ขอชานเมือง แบบคนไม่พลุกพล่าน และเข้าเมืองได้ไม่ยาก
    คืออยากมีอารมณ์แบบวันไหนอยากเข้าไปชินจูกุ ชิบุย่าก็ไปได้ไม่ยาก ชีวิตปกติขอแบบเงียบสงบ

3. มีนักเรียนไทยไม่เยอะ
    ขืนเยอะคนมิวายคุยภาษาไทย แทนที่จะได้คุยญี่ปุ่นเยอะๆ ลองชั่งน้ำหนักดูระหว่างจำนวนนักเรียนทั้ง
    โรงเรียนกับจำนวนนักเรียนไทย ตั้งเป้าไว้ว่าขอแค่ 5 % ของทั้งหมด

4. โรงเรียนมีจัดทริปไป Homestay ต่างจังหวัด
    อยากลองไปอยู่กับครอบครัวญี่ปุ่นหลายๆแบบ ส่วนตัวมีเพื่อนคนญี่ปุ่นอยู่แล้ว และเคยไป homestay
    สมัยเรียนมหาวิทยาลัย รู้สึกว่าได้ฝึกภาษาดีมากๆ แถมได้ลองอาหารญี่ปุ่นแบบ homemade อีกด้วย

5. ต้องมีจำนวนนักเรียนเยอะพอสมควรและไม่มากจนเกินไป
    ถ้าโรงเรียนมีจำนวนนักเรียนน้อยกว่าร้อยคน การแบ่งห้องเรียนจะทำได้ไม่เต็มที่เพราะคนน้อย เช่น
    โรงเรียน ABC มีนักเรียนราว 70 คน มีห้องเรียน 5 ห้อง ดังนี้
       ห้อง 1 เริ่มต้นตั้งแต่แรก
       ห้อง 2 เริ่มต้นระดับกลาง
       ห้อง 3 ติวสอบ N2
       ห้อง 4 ติวสอบ N1
       ห้อง 5 ติวสอบเข้ามหาวิทยาลัย
   หากเราเรียนมินนะจบเล่มสาม ก็จะมี 2 ทางเลือกคือ ห้อง 1 หรือ ห้อง 2 หากเราเลือกเรียนห้องเริ่มต้น
   เราอาจจะเสียเวลา และหากเราเลือกที่จะเรียนห้องระดับกลาง เราก็อาจจะมึนงงได้ ตรงนี้บางคนอาจ
   จะมองข้ามไป แต่เราคิดเยอะเพราะจ่ายเงินไปเองจะให้เสียเวลาเรียนแล้วได้น้อยหรือได้ไม่เต็มที่มันก็
   จะเป็นการเสียเงินและเวลาโดยใช่เหตุ ทั้งนี้ทั้งนั้นเหตุผลนี้ควรเอามาคิดต่อเมื่อเราเรียนอยู่ในขั้นที่ไม่
   จบชั้นต้นดี หรือเรียนมานานมากๆจนไม่รู้ว่าตัวเองควรอยู่ระดับไหน ถ้าเราไม่ได้แน่ใจว่าจะอยากเริ่มชั้น
   ต้นใหม่ก็ต้องไปลุ้นว่าเค้ามีห้องที่เรียนถึงไหนกันแล้วบ้าง ก่อนไปอาจต้องสอบถามกับทางโรงเรียนดู
   ก่อนจ้า

6. ต้องมีนักเรียนจากหลากหลายชาติ
   ไปเรียนทั้งทีก็อยากได้เพื่อนหลายๆชาติเผื่อไปเที่ยวประเทศนั้นๆจะได้มีคนพาเที่ยว 
    ความคิดแอบแฝง55

ดังเหตุผลที่กล่าวมาเยอะแยะก็เลือกโรงเรียนได้ซะทีคือ โรงเรียน Toyo Language School ที่สถานี Nishi Kasai อยู่ในชานเมืองโตเกียวแต่เข้าเมืองไม่ยากเลย หอพักหญิงอยู่ตรงข้ามโรงเรียนจ้า เดิน 2 นาที นักเรียนไทยโอเคไม่มาก รอบที่ไปมี 5 คน ถือว่าเป็นประชากรส่วนน้อยสุดๆ มีทริปไป homestay ตอนที่เรียนได้ไป hokkaido มีครบคุณสมบัติที่กล่าวไว้ เลยไม่ต้องลังเลเลยเอาที่นี่แหละ^^

หากใครมีแผนไปเรียนด้วยตัวเองก็ลองพิจารณาเหตุผลของตัวเองก่อนว่าอยากให้มีอะไรบ้างแล้วค่อยมาดูว่าโรงเรียนไหนใกล้เคียงที่เราต้องการสุดจ้า เรื่องการเรียนการสอนส่วนตัวคิดว่าไม่ต่างกันมากนักหากเป็นโรงเรียนสอนภาษามักจะเข้มข้นอยู่แล้ว คราวหน้ามาต่อเรื่องการการเงินกัน^^



1 comment:

  1. :D กำลังอยู่ขั้นตอนนี้พอดีเลย

    ReplyDelete