Thursday 25 December 2014

เรียนที่ญี่ปุ่นด้วยทุนตัวเอง ตอน งานพิเศษ (ร้านอาหารไทย)

พอตัดสินใจได้ว่าจะเปลี่ยนจากเรียนแค่ 1 ปีเป็น 1 ปีครึ่ง ก็เริ่มคิดหาทางขยับขยายว่าจะทำยังไงกับค่าเล่าเรียนและไหนจะที่อยู่อีก เพราะตอนแรกก็กะอยู่หอไปเรื่อยๆ แต่เอาเข้าจริงๆการแชร์ห้องน้ำกับชาวจีนเป็นอะไรที่ $#%&*! มาก ไว้ต่อตอนต่อไปละกัน วันนี้เน้นไปทางทำมาหาเลี้ยงชีพก่อน^^ งานพิเศษที่ทำที่ญี่ปุ่นมี 2 อย่างคือ ร้านอาหารไทย และ สอนภาษาไทย มาติดตามการหางานกันเลยจ้า :)

ก่อนมาญี่ปุ่นก็เตรียมค่าใช้จ่ายไว้พอสำหรับ 1 ปี เลยไม่ได้คิดเรื่องทำงานพิเศษเลย แต่พอจะเปลี่ยนเป็นปีครึ่ง ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มทั้งค่าเรียนและค่าที่อยู่ก็เลยคิดว่าคงต้องทำแล้วล่ะ ก็เลยไปปรึกษาเพื่อนเก๋ ที่เชี่ยวชาญการหาไบท์ (ไบท์มาจาก アルバイト อะรุไบโตะ ที่แปลว่างานพิเศษในภาษาญี่ปุ่น) คือเพื่อนเก๋ชัดเจนมากแต่แรกว่าจะมาเรียนไปหาเงินไป ก็เลยโชคดีไปมีเพื่อนดี ชวนไปทำงานร้านอาหารไทยที่เธอทำอยู่ ไอ้เราก็ยังหวั่นๆ ตอนนั้นไปเรียนได้เดือนกว่าๆ ภาษาจะไหวมั้ย แต่ได้รับคำตอบจากเพื่อนสุดที่รักว่า "ชั้นเพิ่งเรียนได้ไม่นานยังทำได้เลย แกพูดได้มากกว่าชั้นอีก มาลองก่อน" ขอขอบพระคุณเพื่อนเก๋มา ณ ที่นี้ ที่ทำให้มีงานเงินดีๆทำ^^ (ตอนนี้ชีเป็นเจ้าของร้านอาหารไทยในญี่ปุ่นไปแล้วเรียบร้อย)

มีโอกาสได้ไปทำงานพิเศษที่ร้านอาหารไทย  3 ร้าน ร้านแรกเป็นร้านที่เพื่อนเก๋แนะนำ อยู่ในตึกออฟฟิต ใกล้สถานี Tokyo ดังนั้นตอนกลางวันจะยุ่งระดับซุปเปอร์ ตอนเย็นไม่เท่าไหร่และร้านไม่ใหญ่มาก พอดีเป็นนักเรียนก็เลยทำได้แต่ตอนเย็นยังไม่เคยสัมผัสความยุ่งนั้น (โชคดีไป) ร้านที่สองเป็นร้านเครือเดียวกับร้านแรกแต่อยู่คนละสาขา ร้านนี้อยู่ในห้าง Parco ที่ Ikebukuro (ปัจจุบันเปลี่ยนเจ้าของไปแล้ว) เพราะงั้นเลยได้อารมณ์แบบพนักงานห้างไปในตัว และร้านใหญ่พอสมควร มีระบบกดเรียกพนักงาน ร้านที่ 3 เป็นร้านที่อยู่ในย่าน Shimbashi ย่านคนทำงาน อันนี้ไปทำแทนเพื่อนชั่วคราวตอนเพื่อนกลับไทย ชื่อร้าน Bangkok Kitchen (เครือเดียวกับร้านฟูจิที่ไทย) มี 2 ชั้น ขึ้นบันไดเหนื่อยฮะ

ร้านแรกกับร้านที่สองที่ไปทำเป็นร้านอาหารไทยที่มีคนญี่ปุ่นเป็นเจ้าของและมีหลายสาขาในโตเกียว ดังนั้นวิธีการทำงานจะเหมือนร้านอาหารญี่ปุ่น คือมีตอกบัตร ลงตารางเวลาอาทิตย์ต่ออาทิตย์ชัดเจน มีซองเงินเดือนแบบแจกแจงรายละเอียดเงินและค่าเดินทาง มีการสัมภาษณ์กับเทนโจคนญี่ปุ่น (ผู้จัดการร้าน) ซึ่งเป็นคนญี่ปุ่น เพราะว่าคนญี่ปุ่นเป็นเจ้าของ รู้สึกว่าต้องเขียนเรซูเม่ด้วยถ้าจำไม่ผิด ตอนสัมภาษณ์อย่างเกร็ง แต่ก็ผ่านไปด้วยดี คำถามไม่ยากมาก เช่น ถามว่ามาเรียนนานมั้ย เคยทำงานที่ไหนมาก่อนรึเปล่า แล้วจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่ ทำเวลาไหนได้บ้าง บ้านอยู่ไหน แล้วก็ตกลงว่าต่อชั่วโมงจะได้เท่าไหร่ ตอนนั้นเพิ่งเริ่มได้ชม.ละ 800 เยน ค่ารถต่างหากให้ตามจริง พอทำมาได้สักพักก็จะมีขึ้นค่าชม.ตอนก่อนออกได้ชม.ละ 900 เยน ซึ่งถือว่าโอเคมากๆ ตอนแรกๆก็ทำอาทิตย์ละ 3 วัน แรกๆไม่อยากทำงานเยอะเพราะจะไม่มีเวลาทบทวนหนังสือ ทำเฉพาะตอนเย็น ตั้งแต่ 5 โมงถึง 5 ทุ่ม หรือถ้าลูกค้าน้อยปิดร้านเร็วก็จะได้ตามชม.ที่ทำจริง เดือนนึงได้ประมาณ 50,000 เยน ซึ่งเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่ไม่รวมค่ากิน พออยู่ไปสักครึ่งปีก็เริ่มทำเยอะขึ้น เพิ่มวันอาทิตย์ทำเต็มวันตั้งแต่เที่ยงถึงดึก ก็ได้เงินมากขึ้น เรียกว่าถ้าไม่สิ้นเปลืองก็อยู่ได้สบายๆเลยแหละ

ร้านที่สองที่ไปทำอยู่ในห้าง เฮ้ย ดูดีอะ! ที่ได้ไปทำสาขานี้เพราะมีคนญี่ปุ่นที่ทำสาขาแรกเขาย้ายไปทำและแนะนำมาอีกทีว่าให้ลองไปสมัครดู อารมณ์แบบอยากทำงานในเมืองใหญ่อะค่ะ ขอลองๆ ประกอบกับไม่ชอบหน้าเทนโจร้านแรกเลยทำให้อยากเปลี่ยนพอดี มันให้อารมณ์คนละแบบ เพราะในห้างจะมีลูกค้าหลากหลายมาก ไม่เหมือนร้านแรกที่เป็นคนทำงานซะส่วนใหญ่ นี่ทั้งวัยรุ่น เด็ก แก่ มีหมด สิ่งที่ไม่ชอบที่สุดคือการออกไปยืนเรียกลูกค้าหน้าร้าน ต้องตะโกนเรียกแขกสไตล์คนญี่ปุ่น และเชิญแขกเข้าร้าน คือสมัครมาทำงานเสริฟ์ค่า TT โดนให้ไปยืนที่ไรทะเลาะกับเทนโจทู้กที และร้านนี้มีบริเวณกว้างพอสมควรขนาดที่ร้านจะมีปุ่มไว้กดเรียกพนักงานด้วย เดินกันทีขาขวิดฮ่ะ แต่ชอบร้านนี้มากกว่าร้านแรกเพราะเทนโจค่อนข้างใจดี ออกแนวบ้าๆบอๆ แล้วเค้าจะให้ลองทำทุกหน้าที่ (มีเพื่อนบอกว่าจริงๆเทนโจมันขี้เกียจทำ555) เช่น รับโทรศัพท์ คิดเงิน แลกเงินทอน ซึ่งตอนอยู่ร้านแรกเทนโจจะเป็นคนทำเองทั้งหมด งานยากที่สุดก็คือคิดเงิน เพราะต้องมีคำพูดที่ว่าทั้งหมดเท่าไหร่ รับเงินลูกค้ามาเท่าไหร่ บางคนใช้การ์ด บัตรลด คูปอง โอ้ยสารพัด เพราะอยู่ในห้าง บัตรลดเยอะมาก ได้ทำทีไรตื่นเต้นตลอดเวลา แต่เป็นประสบการณ์ที่ดีจริงๆ

ร้านที่ 3 ได้ไปทำแบบชั่วคราวตอนโรงเรียนปิดเทอมฤดูร้อน เพราะเพื่อนจะกลับไทยนาน ถ้าเค้ารับคนใหม่มันจะตกงาน เราเลยไปเสียบแทนชั่วคราว ดีเลยกำลังว่าง555 ร้านนี้เทนโจใจดีระดับซุปเปอร์ ไม่เคยว่าอะไรเลย ทำอย่างมีความสุขมาก ไม่เหมือนร้านแรก เป็นคนญี่ปุ่นแบบดูถูกคนต่างชาติ พูดเอาดีเข้าตัว แค่เห็นหน้าก็เครียดแล้ว!  วิธีทำงานร้านนี้ไม่ยากเท่าสองร้านแรกเพราะเป็นร้านของคนไทย จะมีพี่คนไทยที่เป็นพนักงานประจำอยู่ด้วย เลยทำสบายๆ

เล่าถึงการทำงานเป็นพนักงานเสริฟ์หน่อยละกัน เรียกว่าเกือบทุกคนที่ไปญี่ปุ่นจะต้องเคยทำงานร้านอาหารแน่นอน โดยเฉพาะร้านอาหารไทยเพราะอย่างน้อยเราก็คุ้นเคยกับมัน เอาจริงๆถามว่ายากมั้ย มันจะยากช่วงแรก อะแน่นอน คนเราพอมีประสบการณ์มันก็ต้องดีขึ้น แรกๆก็ต้องนั่งจำชื่ออาหารไทยเป็นภาษาญี่ปุ่นก่อน อย่างทอดมัน ผัดผักบุ้ง ยำวุ้นเส้น ปอเปี๊ยะ เป็นต้น ซึ่งมันไม่ได้ทับศัพท์ในเมนูอาหาร เช่นยำวุ้นเส้นก็จะเรียก 春雨サラダ (ฮะรุซะเมะซะระดะ) ก็ต้องทำความคุ้นเคยกันไป แล้วก็ต้องสามารถพออธิบายได้ว่ามันคืออะไรแบบง่ายๆเผื่อลูกค้าถาม เช่นทอดมันนี่ใช้ปลาอะไรทำ (กรูไม่รู้...ก็วิ่งไปถามพ่อครัวฮะ) แล้วก็จำศัพท์ของที่มีในร้านอาหาร ที่ลูกค้าจะถามถึงบ่อยสุดคือไม้จิ้มฟัน แรกๆโคตรงงเพราะชื่อมันเรียกยาก เรียกว่า つまようじ (ซึมะโยจิ) แต่ศัพท์พวกนี้พอเจอบ่อยๆมันก็จะจำได้เอง แต่ถ้าไม่อยากเงิบๆงงๆก็ท่องไว้ก่อนก็ดีนะ^^

ข้อแนะนำในการทำงานพิเศษร้านอาหาร
ควรเลือกร้านที่มีเจ้าของเป็นคนญี่ปุ่น เพราะจะได้ฝึกระบบการทำงานแบบญี่ปุ่น และจะได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นมากกว่าร้านที่เจ้าของเป็นคนไทย ถ้าใครมั่นๆไปสมัครร้านอาหารญี่ปุ่นเลยยิ่งดี เพราะจะได้ฝึกภาษาไปในตัวด้วย  แต่ถ้าใครจำเป็นที่ต้องหาเงินจริงๆข้อนี้เอาไว้ก่อนก็ได้จ้า ทำที่ไหนก็ได้ที่เราสบายใจ ของเราโชคดีหน่อยที่มีคนแนะนำเข้าไปทำทั้งหมด แต่จริงๆสามารถเข้าไปสมัครร้านที่อยากทำเองได้เลย อย่าเพิ่งไปกลัวว่าเค้าจะรับเรามั้ย มีเพื่อนอยู่หลายคนที่เดินเข้าไปสมัครเองและได้งานโดยที่ไม่มีใครแนะนำ แถมเป็นร้านญี่ปุ่นด้วย อามรณ์แบบอยากทำร้านนี้ ร้านสวยน่ารัก ก็ลองเข้าไปสมัครดูเลย เดี๋ยวนี้คนต่างชาติไปเที่ยวญี่ปุ่นมากขึ้น โอกาสในการสมัครน่าจะมีมากที่เค้าจะรับ ยิ่งคนได้ภาษาอังกฤษด้วยยิ่งดีนะ^^

เรียนที่ญี่ปุ่นด้วยทุนตัวเอง ตอน ค่าใช้จ่าย