Monday 4 May 2020

เรียนที่ญี่ปุ่นด้วยทุนตัวเอง ตอน งานพิเศษ (สอนภาษา)

(ไม่ได้อัฟเดทนานมากๆจนมีคนมาทวงถามเลยอัฟสักหน่อย อิๆ)
ต่อกันกับเรื่องงานพิเศษที่ได้มีโอกาสลองทำที่ญี่ปุ่น นอกจากเป็นเด็กเสริฟ์แล้วก็ยังได้ลองเป็นคุณครูด้วย^^ ว่าด้วยเรื่องการหางานก่อนเลย ตอนนั้นมีเพื่อนทำอยู่แล้วเค้าก็แนะนำให้ไปโพสข้อมูลของตัวเองลงในเว็ปหาครู http://www.getstudents.net เป็นเว็ปที่คนต่างชาติสามารถสมัครและลงข้อมูลของตัวเองว่าสามารถสอนภาษาอะไรได้บ้าง ซึ่งคนญี่ปุ่นเค้าจะมีอีกเว็ปนึง http://www.senseinavi.com ที่ลิงค์กับเว็ปที่เราลงข้อมูลรับสอน ไอ้เราได้ฟังจากเพื่อนก็สนใจเลยลองสมัครดู เค้าให้กรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษใครสนใจลองกดเข้าไปดูรายละเอียดในเว็ปก่อนได้จ้า (แต่ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันยังใช้เว็ปนี้กันอยู่มั้ยนะ ) ตอนนั้นเราลงประกาศสอน 2 ภาษาคือ ไทย และ อังกฤษ ตอนแรกไม่ได้มีความมั่นใจว่าจะทำได้มั้ยโดยเฉพาะสอนภาษาไทย เพราะเวลาสอนต้องพูดโดยใช้ภาษาญี่ปุ่นอธิบาย...มันยากนะฮะ อธิบายการออกเสียง กาก่าก้าก๊าก๋า...TT ตอนที่ลองสมัครอยู่ญี่ปุ่นได้ประมาณหกเดือนแล้ว ก็พอจะมั่นใจ(นิดนึง) แต่ความอยากลองมันพุ่งก็เลยเอาวะ ไม่ลองไม่รู้ จริงๆของแบบนี้มันอยู่ที่ความมั่นใจ ภาษาไม่ต้องเป๊ะมากก็ได้ เพราะถึงเป๊ะมากแต่เข้ากับนักเรียนไม่ได้เค้าก็ไม่ลงเรียนกับเราอยู่ดี ง่ายๆคือต้องคุยเก่งๆ555

พอลงสมัครไปได้สักประมาณ 3 อาทิตย์ก็มีคนติดต่อมา อึ๋ย!ทำไงดี(ว่ะ)เนี่ย บอกตรงๆเริ่มหวั่นๆกลัวพูดไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ด้วยว่าจะเป็นนักเรียนแบบไหน สำหรับการติดต่อกันครั้งแรกจะส่งอีเมลล์นัดคุยกันว่าจะเจอที่ไหน ส่วนใหญ่จะเป็นร้านกาแฟหรือไม่ก็แมคโดนัล และจะเป็นการลองสอนให้เค้าฟรี 1 ชม.แรก เพื่อดูว่าเค้าโอเคกับเรามั้ย แล้วคือถ้าตรูไม่โอเคทำไงดีล่ะเนี่ย ถ้าเจอแบบโรคจิตทำไงอะ อูยยย...คิดไปต่างๆนาๆ เอาล่ะกลับมาเผชิญหน้ากับความจริงที่ลงสมัครและอุตส่าห์มีคนติดต่อมาแล้ว ไหนเข้าไปดูข้อมูลนักเรียนหน่อย อืม...เป็นผู้หญิง เฮ้...โล่งไปหนึ่ง อยากเรียนภาษาไทย อืม...จริงๆอยากสอนภาษาอังกฤษมากกว่า แต่เอาเถอะ (อีนี่เรื่องมากเนอะ55) ตกลงวันเวลาได้แล้วก็นัดเจอกันที่คาเฟ่ในสถานีรถไฟ วันแรกที่เจอ เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักมากกกก เป็นออฟฟิตเลดี้ ชื่อ นาโอโกะ เหตุผลที่อยากเรียนภาษาไทยคือชอบ เสก โลโซ และบัวขาว ค่ะ...อึ้งไปแป๊ปนึงเพราะไม่คิดว่าเค้าจะบ้ามากขนาดไปดูคอนเสริต์ที่ไทย และเช่ารถตู้ไปสนามมวยคนเดียว! เรายังไม่กล้าทำเลยจ้า วันแรกก็ลองสอนประโยคง่ายๆก่อน ทำชีทไปเอง แล้วก็ลองชวนคุยไปเรื่อยๆ เพราะเอาจริงๆเรายังไม่รู้ว่านักเรียนจะมีพื้นฐานมากน้อยแค่ไหน อยากเรียนแบบเขียนด้วยมั้ย หรือจะเรียนพูดอย่างเดียว ซึ่งนาโอโกะเธออยากเรียนเขียนด้วยเพราะเธออยากอ่านเนื้อเพลงของพี่เสกได้ หูย..ของยากเลย แต่เราก็ตะล่อมบอกเค้าไปว่าเรียนพูดให้พอได้ก่อนดีกว่าเพราะกว่าจะเขียนได้ต้องใช้เวลานานมากนะ เธอก็โอเค จบท้ายวันแรกด้วยการแปลความหมายเพลงของพี่เสก อยากจะรู้ว่าท่อนนี้แปลว่าอะไร นี่มันโอตาคุไทยชัดๆ แต่ก็ตกลงเป็นอันได้งานละ เจอกันอาทิตย์ละครั้ง เธอเป็นคนตั้งใจเรียนมากแล้วก็มีคำถามเยอะว่าถ้าจะพูดแบบนี้ถูกมั้ย คำนี้ใช้ตอนไหนได้บ้าง และไม่พลาดคือต้องแปลเพลงพี่เสกเกือบทุกคลาสเรียน 555 คนนี้สอนจนถึงเรียนจบเลย โชคดีมากๆเจอนักเรียนดีๆ แน่!กะลังคิดว่าเราโชคดีจังเลยใช่มั้ย จริงๆมีแปลกๆด้วยนะ เอาทีละเคสละกัน

ผ่านไปอีกสักอาทิตย์เห็นจะได้ก็มีอีเมลล์ติดต่อเข้ามาอีกคราวนี้เป็นผู้ชายสูงวัยใกล้เกษียณ ชื่อคุณลุงยามาโมโตะ คือลุงแกอยากไปใช้ชีวิตเกษียณอยู่ไทยแบบอยู่ไทยครึ่งปีญี่ปุ่นครึ่งปี เหมือนจะมีคนญี่ปุ่นคิดแบบนี้เยอะ แล้วแกเคยเรียนภาษาไทยมาบ้างแล้วแต่ยังพูดไม่รู้เรื่อง ไอ้เราก็เห็นว่าเคยเรียนก็เลยทดสอบเล็กๆน้อยๆ ปรากฎว่าแกเอาแต่พูดคำที่เราพูดซ้ำๆแล้วบ่นกับตัวเอง สมมุติว่า เราถามว่าคุณอายุเท่าไหร่ ลุงแกก็เอาแต่พูด อะยุ อะยุ เอ..เราเคยเรียนมานี่นา แปลว่าอะไรนะ อะยุ อะยุ เป็นภาษาญี่ปุ่น สักพักเราก็เลยถามเป็นญี่ปุ่นเลย ลุงแกก็อ๋ออออ แล้วก็ตอบเป็นภาษาไทยมาว่า สิบห้า หาาาาาา...หน้าแบบนี้คงไม่ใช่แล้วค่ะ คือจริงๆลุงตั้งใจจะบอกว่าห้าสิบห้า ท่าทางคงต้องเรียนกันใหม่เลยมั้ยคะเนี่ย ตกห้าไปตัวนึงแหมเด็กกว่าหนูอีกนะคะเนี่ย555 สอนคนนี้ต้องใช้ความอดทนค่อนข้างมากเพราะแกเอาแต่พึมพัมกับตัวเองตลอด ไม่ค่อยยอมพูดตามด้วย แต่แกตั้งใจเรียนอยู่ แถมเรียนไปสักพักชวนเพื่อนมาเรียนคู่ด้วย เป็นคุณลุงเหมือนกัน ชอบข่มกันเองอีกต่างหาก สอนคนมีอายุต้องใจเย็นนิดนึง แต่ข้อดีของการสอนคนที่มีอายุคือแกมีเงิน ไม่เขียม เค้าจะเช่าห้องเรียนสำหรับเรียนเลย มีกระดานมีโต๊ะนั่งดีมากๆ ตามสถานีต่างๆมักจะมีสถานที่ไว้ให้เช่าสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ เช่นเรียนจัดดอกไม้ ประชุม จัดเลี้ยง เสวนา เป็นต้น ซึ่งเราไม่ต้องออกตรงนี้ แหม่...ได้อารมณ์แบบเป็นครูจริงๆเลยล่ะ^^

แล้วอีกสักพักก็มีคุณลุงอีกคนติดต่อมา คนนี้สายเที่ยวประเทศไทย จะเที่ยวไทยปีละ 2-3 ครั้ง เที่ยวทีนึงจะเขียนแพลนเที่ยวประหนึ่งทำรายงาน มาเป็นเล่มพร้อมรูป เอามาโชว์อีกต่างหาก คนนี้ดีมากชื่อ คุณยาสึอิ ตั้งใจเรียนและเช่าห้องเรียนเหมือนคุณลุงก่อนหน้า อัธยาศัยดีสุดๆ แถมเลี้ยงข้าวหลังเรียนเสร็จทุกมื้อ ขนาดเรากลับมาไทยแล้วก็ยังคงติดต่อกันเสมอ บางทีก็พาเค้าไปเที่ยวด้วย ถือว่าเป็นบุญที่ได้เจอนร.คนดีๆ

ต่อมาสักพักก็มีคนติดต่อเข้ามาเรื่อยๆเลย ได้ลองไปสอนฟรีชม.แรกอีกประมาณ 4-5 รายเลย มีผู้หญิงคนนึงเจอครั้งแรกเค้าเก่งอยู่แล้ว (สอนภาษาอังกฤษ) คุยกันไปเรื่อยๆถามอะไรก็ตอบได้หมด ก็แอบคิดในใจว่าแบบนี้คงไม่น่าเรียนต่อแน่ๆ พอหมดเวลาก็ say goodbye กับแบบรู้ๆกัน

แล้วก็มาถึงเคสแปลกๆ 555 ที่แปลกนี่คือคนอายุน้อย อยากเรียนภาษาอังกฤษ สอนไปสักพักรู้สึกตะหงิดๆแบบคงไม่ได้จีบใช่มั้ย หรืออาจจะไม่ใช่เราอาจจะคิดไปเอง แต่แบบชอบส่งข้อความมาถามโน่นนี่ มีทำซีดีใส่เพลงมาให้ด้วย?!? เวลาพูดไม่ค่อยสบตาเท่าไหร่ ผ่านไปสักเดือนเริ่มไม่ไหวละ ยังดีที่คนนี้เรียนในร้านแมค ยังมีคนเยอะแยะ เลยคิดหาวิธีเฟดออกแบบจะบอกยังไงดีว่าไม่สอนแล้ว เลยโกหกไปว่าพอดีจะต้องกลับประเทศแล้วมาสอนไม่ได้แล้วนะคะ (หนูขอโทษTT) หลังจากนั้นก็ say goodbye กันไป เฮ้อ...

ลืมบอกไปเรื่องค่าสอนเราคิดชม.ละ 1,500 เยน ค่ารถไฟนักเรียนบางคนจะถามและเพิ่มให้ คือแบบไม่กล้าคิดแพงเพราะตัวเองก็ไม่ได้เชี่ยว คิดซะว่าได้เพื่อนใหม่ฝึกภาษา เห็นบางคนเค้าคิดชม.ละ 2,000 เยนขึ้นไป แต่สมัยนี้ไม่แน่ใจ ที่พูดถึงคือเมื่อปี 2005 นะ^^



No comments:

Post a Comment